ที่มาและความสำคัญ
การแทงหยวก เป็นวิชาความรู้ที่ถ่ายทอดกันมาตั้งแต่อดีต โดยใช้วัสดุที่หาง่ายคือต้นกล้วย มาสร้างงานฝีมือซึ่งมักใช้ในงาน ตกแต่งประดับประดา เมรุเผาศพ งานบวช งานกฐิน และงาน ตกแต่งอื่นๆ สืบทอดกันมาหลายร้อยปี กระบวนการแทงหยวกนั้น ต้องเริ่มจากการไหว้ครู เพื่อรำลึกถึงครูอาจารย์ มีธูป 3 ดอก เทียนขี้ผึ้ง 1 เล่ม ดอกไม้ 3 สี สุรา 1 ขวด ผ้าขาวม้า 1 ผืน เงินค่าครู 142 บาท
การแทงหยวกเป็นการส่งเสริม อนุรักษ์ และสืบทอดคุณค่าทางสังคม โดยการนำความรู้ด้านศิลปะการแทงหยวกไปประกอบอาชีพเสริม และการนำศิลปะการแทงหยวกมาจัดทำเป็นกิจกรรมเสริมหลักสูตร หัตถศึกษา อันเป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศิลปะการแทงหยวก ให้คงอยู่และพัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น
รูปแบบของลายแทงหยวก
๑.ลายฟันหนึ่ง หมายถึงลายที่มีหนึ่งยอดเป็นลวดลายเบื้องต้นสำหรับผู้ที่เริ่มฝึกหัดแทงหยวกจะต้องฝึกฝนให้เกิดทักษะความชำนาญ ขนาดของฟันจะต้องเท่ากันทุกซี่ แทงเป็นเส้นตรงไม่คดโค้ง และต้องฉลุให้เท่ากันทั้งสองด้านลายฟันหนึ่งเป็นลวดลายที่ช่างแทงหยวกใช้กันทุกท้องถิ่นมีทั้งฟันขนาดเล็ก และฟันขนาดใหญ่ ลายฟันหนึ่งขนาดเล็กเรียกว่า ลายฟันปลา ลายฟันหนึ่ง เมื่อแทงและแยกลายออกจากกันแล้วสามารถนำไปใช้ได้ทั้งสองข้าง
๒. ลายฟันสาม หมายถึงลายที่มีสามยอดเป็นลวดลายอีกแบบหนึ่งที่ช่างแทงหยวกนิยมใช้กันทุกท้องถิ่น ขนาดของลายฟันสามโดยทั่วไป มีขนาดความกว้างประมาณ ๘ เซนติเมตร สูงประมาณ เซนติเมตร ลายฟันสาม เมื่อแทงและแยกลายออกจากกันแล้วสามารถนำไปใช้ได้ทั้งสองข้างเช่นเดียวกับลายฟันหนึ่ง
๓. ลายฟันห้า หมายถึงลายที่มีห้ายอด มีขนาดใหญ่กว่าฟันสามเล็กน้อย มีขนาดความกว้างประมาณ ๙ เซนติเมตร สูงประมาณ ๘ เซนติเมตร การแทงลายฟันห้ายากกว่าลายฟันสาม เนื่องจากต้องแทงถึงห้าหยักหรือห้ายอด หากไม่มีความชำนาญด้านซ้ายและด้านขวาจะมีขนาดไม่เท่ากัน และโดยเหตุที่ขนาดฟันห้าเป็นลายขนาดใหญ่ การแรลายจึงต้องสอดไส้เพื่อให้ได้ลวดลายที่สวยงามเด่นชัดยิ่งขึ้น ลายฟันห้า เมื่อแทงและแยกลายออกจากกันแล้วสามารถนำไปใช้ได้ทั้งสองข้างเช่นเดียวกับลายฟันหนึ่งและลายฟันสาม
๔.ลายน่องสิงห์หรือแข็งสิงห์ เป็นลายที่ประกอบส่วนที่เป็นเสาและนิยมใช้กันในทุกท้องถิ่นไม่แตกต่างกันลายน่องสิงห์เป็นลายที่แทงยาก กล่าวคือในการฉลุลายน่องสิงห์เป็นการฉลุเพียงครั้งเดียวแต่เมื่อแยกออกจากกันจะได้ลายทั้งสองด้านและทั้งสองด้านจะต้องเท่ากันเช่นเดียวกับลายฟันหนึ่ง ฟันสาม และฟันห้า แต่ลายน่องสิงห์ เป็นลายตั้งประกอบเสาด้านซ้ายและด้านขวา
๕. ลายหน้ากระดาน ใช้เป็นส่วนประกอบของแผงส่วนบน ส่วนกลางและส่วนฐาน ชื่อของลายหน้ากระดายที่ใช้กันอยู่ทั่วไป ได้แก่ ลายรักร้อย ลายก้ามปู ลายเครือเถา ลายดอก เป็นต้น
๖. ลายเสา เป็นลายที่มีความสำคัญเนื่องจากการแทงกระทำได้ยากเช่นเดียวกับลายหน้ากระดานส่วนฐาน ออกแบบลวดลายแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล ช่างแทงหยวกมักจะออกแบบลวดลายมีความวิจิตรพิสดาร เพราะลายเสา เป็นลายที่จะแสดงฝีมือของช่างแต่ละคนเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อเป็นการประกวดประชันฝีมือกันอีกนัยหนึ่ง ลายที่มักใช้ในการแทงลายเสา ได้แก่ ลายเครือเถา เช่น มะลิเลื้อย ลายกนก ลายรูปสัตว์ต่าง ๆ เช่นปลา นก ผีเสื้อ มังกร สัจว์หิมพานต์ ลายดอกไม้ ลายตลก ลายอักษร ลายสัตว์ ๑๒ ราศี
๗. ลายกระจังหรือลายบัวคว่ำ เป็นลายที่ใช้ประกอบกับลายฟันสาม และลายฟันหนึ่ง นิยมใช้เป็นส่วนยอดและส่วนกลางเท่านั้น ไม่นิยมใช้เป็นส่วนฐาน มีหลายแบบ ได้แก่ กระจังรวน
ชนิดของกล้วยที่เลือกใช้
ต้นกล้วยตานี เพราะไม่แตกง่าย แต่ในปัจจุบันต้นกล้วยตานีหายาก และมีขนาดไม่เหมาะสมสำหรับใช้งาน จึงนิยมใช้ต้นกล้วยน้ำว้าแทน โดยต้องเป็นต้นกล้วยน้ำว้าสาว คือต้นกล้วยที่ยังไม่มีเครือ หรือยังไม่ออกหวีกล้วย ต้นกล้วยน้ำว้าจะอ่อนแทงลวดลายได้ง่าย และกระดาษสี ใช้สำหรับรองรับลวดลายต้นกล้วยจะปรากฏชัดเจนด้วย
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
-หยวกกล้วย หยวกกล้วยที่ใช้แทงเป็นหยวกจากกล้วยตานีและหยวกกล้วยน้ำว้าที่ยังไม่ออกเครือ
-มีดแรลาย เป็นมีดที่มีขนาดสั้นปลายแหลม มีคมทั้งสองด้าน ขนาดความยาวของใบมีดประมาณ 3-4เซนติเมตร
-ตอก นิยมทำจากไม้ไผ่ ใช้รัดตรึงหยวกที่แทงแล้วแต่ละชิ้นรัดประกอบให้เป็นส่วนเดียวกัน
-กระดาษสี กระดาษสีที่ใช้ในการแทงหยวก ได้แก่ กระดาษอังกฤษ เป็นกระดาษสีหน้าเดียว ด้านหนึ่งเป็นสีต่าง ๆ และอีกด้านหนึ่งเป็นสีขาว
วิธีการแทงหยวก
ถ้าหากผู้แทงไม่มีความชำนาญจะทำให้ลวดลายขาดออกจากกันและสิ่งที่ควรคำนึงถึงเสมอสำหรับผู้แทงหยวก คือ ต้องจับมืดให้ตั้งฉากกับหยวกกล้วยเสมอ เพราะจะทำให้รอยตัดนั้นมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น
๑. การแทงลายฟันหนึ่ง ลายฟันหนึ่งเป็นลายฉลุขั้นต้นที่จะนำไปสู่การสลักขั้นต่อไปที่ยากกว่า ผู้แทงลายจะต้องกำด้ามมีดไว้ในอุ้มมือ ปักคมมีดให้ตั้งฉากกับหยวกเริ่มจากกการแทงที่ยอดลายแล้วบิดมีดแทงกลับขึ้นลง สลับกัน ไปตลอดชิ้นหยวก
๒. การแทงลายฟันสามและฟันห้า มีวิธีการฉลุเช่นเดียวกับลายฟันหนึ่ง แตกต่างกันที่ลายฟันสามกับลายฟันห้าเป็นลายขนาดใหญ่ เวลาฉลุจึงต้องคอยระมัดระวังเพื่อให้ลายทั้งสองซีกเท่ากัน รอยบากหรือรอยหยักต้องเท่ากันเมื่อแยกลาย
๓. การแทงลายหน้ากระดานและลายเสา จัดว่าเป็นลายที่ยากที่สุด และเป็นลายที่ช่างมักจะแสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ และมักไม่มีการเขียนลายลงบนหยวก ช่างแทงหยวกจะแทงลายลงบนหยวกโดยไม่ต้องร่างแบบ โดยในการแทงลายหน้ากระดานและลายเสาไม่ต้องคำนึงถึงความเท่ากันของหยวกทั้งสอง ชั้น แต่ต้องใช้ความระมัดระวังในการแทงเป็นพิเศษ มิฉะนั้นลายอาจขาดได้ง่าย
๔. การแร คือ การสอดไส้หรือตัดเส้นตัวลาย ทั้งนี้เพื่อให้ตัวลายมีความชัดเจนยิ่งขึ้น การที่ต้องมีการแร ก็เพราะเหตุว่า ในการแทงหยวกนั้นกระทำได้แต่โครงร่างหยาบ ๆ ของตัวลายเท่านั้น ส่วนรายละเอียดนั้นแทงลงไปทีเดียวไม่ได้ เพราะจะทำให้ตัวลายขาดออกจากกัน การลงรายละเอียดของตัวลายจึงต้องกระทำโดยการแร
วิธีการแรกคือ การใช้ปลายมีดกรีดลงบนผิวของหยวกเบา ๆ พอเป็นรอย ในการกรีดจะต้องใช้นิ้วประคองใบมีดเลื่อนไปในทิศทางที่ต้องการ แล้วทาด้วยสีให้สีซึมเข้ารอยแรลาย เช็ดสีออกด้วยผ้าชุบน้ำจะเห็นลายสีที่ชัดเจน












ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น